วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

พื้นฐาน กับ เทคนิค

พื้นฐาน กับ เทคนิค

เรามักจะแบ่งเทรดเดอร์ออกเป็น 2 ประเภท คือ พื้นฐาน กับ เทคนิค ซึ่งส่วนมากสองฝั่งนี้มักจะมีแนวคิดในการเทรดเดอร์ไม่ค่อยเหมือนกันสักเท่าไร่หนัก นักพื้นฐาน ก็จะดูพวกข้อมูลปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ ตัวเลข GDP , อัตราเงินเฟ้อ , นโยบายการเงิน ต่างๆนานา ส่วนนักเทคนิคก็จะดูกราฟเป็นหลักที่ใช้ในการเทรด ซึ่งแต่ละฝ่ายก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ถ้าหากเราเปิดใจไม่อคตินำข้อดีของแต่ละ 2 ฝ่ายนี้มาประกอบในการเทรด ก็จะเป็นตัวเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดได้ดีขึ้น
ปัจจัยพื้นฐานนั้นต้องบอกว่าเป็นตัวขับเคลื่อนราคาในระยะยาวอยู่แล้ว แต่ปัจจัยฐานพื้นฐานอาจไม่สะท้อนภาพการเคลื่อนไหวในช่วงสั้น เนื่องจากเกิดจะความผันผวนในระยะสั้นมาจากแรงเก็งกำไรกันมากกว่า ราคาไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ดังนั้นในภาพระยะยาวถ้าปัจจัยพื้นฐานเป็นเชิงบวก เราก็ควรเลือกที่จะเทรดอยู่ในฝั่ง Long แต่ถ้าภาพปัจจัยพื้นฐานเป็นลบ เราก็ควรรู้ฝั่ง Short ในการเทรด
อีกทั้งปัจจัยทางพื้นฐานสามารถนำมาเป็นเครื่องมือดูทิศทางตลาดของสินค้าที่เราเทรดอยู่ได้เช่นกัน เช่น ปกติอัตราการว่างงาน กับดัชนีตลาดหุ้น มักเคลื่อนไหวสวนทิศทางกัน แต่ถ้าเมื่อไร่ก็ตามที่ 2 ตัวนี้เคลื่อนไหวไปในทางเดียวกันก็จะเป็นสัญญาณผิดปกติเกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง เป็นต้น
ความสัมพันธ์ระหว่าง อัตราการว่างงาน และ ดัชนี S&P500

ความสัมพันธ์ระหว่าง ค่าเงิน EUR/USD กับ พันธบัตรรัฐบาล อายุ 30 ปี ของสหรัฐ

มีหนึ่งสิ่งที่อยากจะเตือนเทรดเดอร์ที่เล่นสั้น หรือ เดย์เทรด นั้นต้องระวังเวลาช่วงการประกาศข่าว หรือรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะในช่วงนั้นตลาดการเกิดความผันผวนอย่างมาก ราคาอาจแกว่งไปตอนจุด Stop loss ของเราได้ อย่างง่ายดาย เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงช่วงดังกล่าว เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องหลีกเหลี่ยงทุกข่าวหรือทุกตัวเลขเศรษฐกิจ เพียงแต่คอยตรวจสอบดูว่าช่วงที่สำคัญจริงๆ ที่จะส่งผลให้ราคาผันผวน ก็ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาดังกล่าว

เทรดเดอร์ที่เป็นนักเทคนิคอย่างเราๆ ไม่จำเป็นต้องรู้หลักพื้นฐานทั้งหมด แต่ขอแค่เข้าใจประเด็นสำคัญๆ ก็เพียงพอต่อการเทรดแล้ว

ทีมงาน : forexinvestingthai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น